เป็น Blogger สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษา Google Adsense เป็นบันทึกเรื่องที่ one2Blogger สนใจ
วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554
แนวคิดการสร้างราย
ไปอ่านเจอมา เป็นแนวคิดที่ดีและทำให้มองภาพออก ลองอ่านดูนะ
ทำให้ผมคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ที่น่าเชื่อว่ายังไม่มีใครโพสลงมาแน่นอน นั้นคือ เรื่องของของที่มาของรายได้ ครับ
ไม่มีใครปฏิเสธว่า คนเราทุกคนนั้นยากได้เงินกันทั้งนั้น เพื่อมาใช้ดำรงชีวิตกันทั้งนั้น แต่เรื่องของรายได้และรายจ่ายของเรานี้ซิปัญหาหลักของทุกวันนี้ คนเราส่วนมากมันจะพึงพารายได้จากเงินในกระเป๋าหลักของเรา นั้นคือ การทำงานหลัก และมีเงินจากการลงทุนบ้างเล็กๆน้อย และมีรายได้หลากหลายมากขึ้น จนมีอิสรภาพทางการเงิน นั้นคือ การมีกระเป๋าหลายใบหรือเงินจากหลายกระเป๋าเรานั้นเอง
รายได้ของเรานั้นมีด้วยกันมาจาก 3 ทาง
1.รายได้จากงาน
2.รายได้จากการลงทุน
3.รายได้ที่ไหลมาเอง
รายได้จากการทำงาน
คือรายได้จากการที่เราลงแรงไปเพื่อให้ได้เงินกลับมา นั้นคือ เอาแรงงาน เวลา บริการ ไปแลกกับค่าตอบแทน รายได้พวกนี้จะได้มาในรูปเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าแรง และพวกธุรกิจที่ต้องใช้แรงไปแลกเอามา ซึ่งส่วนนี้จะทำเงินให้กับเพื่อนๆทุกคนเป็นกอบเป็นกำ แต่ข้อเสียของมันก็คือ เมื่อเพื่อนๆหยุดทำงาน รายได้มักจะหยุดลงทันที และมันเป็นไปได้ยากมากที่จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ โดยไม่ต้องลงแรงและเวลา และที่สำคัญเสียภาษีโหด แต่ข้อดีคือ ไม่ต้องการการลงทุนในเริ่มแรกเพราะเราใช้แรงไปแลกมา
รายได้จากการลงทุน
คือรายได้อะไรก็ได้ที่เราลงทุนไปแล้วได้กลับมาเป็นผลประโยชน์ตอบแทน รายได้พวกนี้เช่น เล่นหุ้น หรือว่าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ พวกซื้อมาขายไป ประมาณนี้ เพื่อเอากำไร นั้นคือการลงทุน ข้อเสียคือ ผู้ลงทุนต้องมีความรู้ดี และมีความเสียง อย่างที่เขาพูดว่า "การลงทุนมีความเสียง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุน" ซึ่งมีปัจจัยภายนอกที่ไม่อาจควบคุมได้มากมาย แต่ที่สำคัญต้องมีทุนมาก่อนถึงจะทำได้ครับ ข้อดีก็คือ ผู้ลงทุนไม่ต้องลงแรงหรือเวลาอย่างเป็นรูปธรรม สามารถหารายได้ประเภทนี้โดยที่เรายังหารายได้ประเภทอื่นไปด้วย ตรงนี้เขาเรียกให้เงินทำงาน ครับ และที่สำคัญหากเรามีความเชียวชาญแล้วสามารถลงทุนเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณได้โดยเร็ว สามารถสร้างเงินให้เจริญเติบโตได้เรื่อยๆ
รายได้ที่ไหลมาเอง
คือรายได้ที่ได้มาจากกิจกรรมบางอย่างที่ไม่ต้องลงทุนลงแรง หรือเริ่มลงทุนลงแรงเฉพาะในช่วงแรกเท่านั้น แต่กิจกรรมนั้นสามารถสร้างรายได้ให้กับเราด้วยตัวมันเอง รายได้ประเภทนี้ได้แก่พวก ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ รายได้จากลิขสิทธิ์ พวกหนังสือ อีบุ๊ก ซอฟท์แวร์ เพลง สิ่งประดิษฐ์ รายได้จากการตลาดออนไลน์ รายได้จากธุรกิจเครือข่าย รายได้พวกนี้เป็นยอดปรารถนาของคนทั่วไป เพราะลงทุนเพียงครั้งเดียวก็เกิดกระแสรายได้ไหลเข้ามาเรื่อยๆ ทุกวัน ทุกเดือน หรือทุกปี และมีความเสี่ยงน้อยกว่ารายได้ประเภทที่สอง จึงจัดได้ว่าเป็นรายได้ "น้ำซึมบ่อทราย" หรือเรียกว่า "เสือนอนกิน" ยกตัวอย่างง่ายๆ เจเคโรริ่ง ที่เขียนเรื่อง แฮรีพอทเตอร์ แค่ค่าลิขสิทธิ์หนังสือก็กินจนอ้วนแล้ว ยังมีการทำหนังอีก กินจนอ้วน เลย แหละ
จากที่ผมบอกมาสามอย่างนี้ จะเห็นว่า เพื่อนสามารถมีรายได้จากทั้งสามทางได้ มันอยู่ที่ว่าเพื่อนๆจะคิดหรือทำอะไร ถึงตอนนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่า การวางแผนนร้างความมั่งคั่งในชีวิต ควรทำอย่างไร ไม่จำเป็นต้องเอาหยาดเหงื่อและพลังกายของเพื่อนๆไปแลกมาก็สามารถได้เงินได้ การพึ่งพากระเป๋าเงินหลายใบนั้นมันสามารถทำได้มากมายเลย
จากโพสของคุณ teerayong นั้นจะเห็นว่าเขาพยายามมากแค่ไหน ที่จะสร้างรายได้ให้ได้เงินหลายกระเป๋า ไม่ใช่แค่ amazon อย่างเดียว ยังมีกระเป๋าใบอื่นๆอีกมากมาย น่านับถือมากครับ ถึงตอนนี้ผมก็เหมือนกันคิดได้แล้วว่าจะเขียนหนังสือ เขียน อีบุ๊คขาย สร้างบล็อกส่วนตัว และทำอื่นๆอีกหลายรายการ สร้างโครงการใหม่ๆขึ้นมาเพื่อให้ได้เงินที่เป็นเสือนอนกินให้กับชีวิต การลงทุนผมยังมีการลงทุนในเกษตร ลงทุนในทอง ลงทุนอื่นๆอีกหลายตัว เพื่อให้ได้เงินไหลเข้ามาตลอด ไม่ใช่แค่งานออนไลน์เท่านั้น และสุดท้ายใครมีโปรเจ็คดีๆอย่าลืมบอกผมด้วยเผื่อผมลงทุนด้วยอะ
ด้วยความเคารพ
adsene5438
ปล.เพื่อนลองลิสรายการความสามารถของเราขึ้นมา จากนั้นให้จดใส่กระดาษไว้แล้วลองคิดหาว่าจะทำเงินจากมันได้อย่างไร เช่น ผมเก่งทางด้านการพูด สามารถไปเป็นวิทยากรให้กับที่ต่างๆหรืองานต่างๆเพื่อแลกกับเงินได้ เป็นตน ลองมองหาความสามารถของตนเอง แล้วอาจเขียนเป็นอีบุ๊คแล้วขายในอินเตอร์เน็ทได้ อย่างเช่น ทนายของเรา ขายข้อความในเวปให้สำนักพิมพ์ เป็นต้น นี้ก็เรื่องลิขสิทธิ์ เงินก็ไหลมาเรื่อยๆ
ที่มา :http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,200770.0.html
-----------------------------------------------------------------------
รับจัดทัวร์ สัมมนา ดูงาน : http://www.tanawitcentertravel.com/
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น